การจัดชุมนุมของนิสิตนักศึกษาเยาวชนและประชาชนเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2563 เป็นข่าวที่ดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวไปทั่วประเทศไทยและแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นลักษณะอาการเหมือนจะซ้ำรอยเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน โดยคนรุ่นหนุ่มสาวเช่นเดียวกัน และข้อเรียกร้องก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ หรือที่เรียกว่าข้อเรียกร้อง 3 ข้อ
เป็นการชุมนุมที่ต่อเนื่องกับการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ต่อเนื่องมาจากการชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษาก่อนหน้านี้ โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ
คือ หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภาหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าข้อเรียกร้อง 3 ข้อ
แต่ในการจัดชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เกิดเหตุการณ์พลิกผัน เพราะมีใครบางคนไปยกป้ายกระดาษหน้าเวทีโดยมีม็อบอยู่ด้านหลังทั้งหมด แล้วถ่ายภาพข้อความนั้นไปเผยแพร่ทั่วโลกเพื่อชี้ให้เห็นว่าทั้งม็อบล้วนเป็นพวกล้มเจ้า และบนเวทีก็มีการแทรกรายการอย่างจงใจของคนจัดบางคนให้มีการปราศรัย
ที่ท้าทายสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของคนไทย รวมทั้งเชื่อมต่อสัญญาณให้ขบวนการล้มเจ้า 2-3 คน ที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศขึ้นจอบนเวทีอันเป็นการช่วงชิงการนำและนำเสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ซึ่งเป็นลักษณะความขัดแย้งโดยตรงต่อสถาบัน
ดังนั้นจึงเกิดการผันแปรขึ้นเพราะข้อเรียกร้อง 3 ข้อเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองกับรัฐบาล แต่การใช้ข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ก็คือ การเปลี่ยนเป็นปัญหาความขัดแย้งกับสถาบันโดยตรง โดยฝ่ายการเมืองลอยตัว จึงทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
แต่ในที่สุดเมื่อทุกฝ่ายประสานงานกันรู้เหตุรู้ผลเป็นอันดีแล้วจึงตกลงกันให้ดำรงไว้ตามเจตนาเดิมคือข้อเรียกร้อง 3 ข้อ โยนข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ใส่ถังขยะซึ่งสรุปว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน
ดังนั้นในการจัดชุมนุมที่ราชดำเนินในวันที่ 16 สิงหาคม 2563 จึงเป็นการยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และห้ามไม่ให้ขบวนการที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง 10 ข้อ
เข้าเกี่ยวข้องบนเวที ทั้งที่พยายามเข้าไปป่วนด้วยวิธีการต่างๆ แต่ไม่สามารถขึ้นเวทีแสดงบทบาทได้
ท่าทีตอบรับจากแกนนำรัฐบาลเป็นไปในทางบวก คือพร้อมจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ สว. บางกลุ่มคัดค้าน ไม่ยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงมีการยื่นคำขาดให้รัฐบาลยุบสภาภายในเดือนกันยายนนี้ และนำไปสู่การเคลื่อนไหวขยายวงลุกลามไปสู่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทั่วประเทศ
ดังนั้นการเคลื่อนไหวเรียกร้อง 3 ข้อนั้น จึงไม่เพียงแต่อยู่ในแวดวงของนิสิตนักศึกษาประชาชนทั่วไป แต่กำลังลามไปถึงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งย่อมเกี่ยวข้องกับเพื่อนนักเรียน ครูที่รักความเป็นธรรม รวมทั้งครอบครัวของนักเรียนเหล่านั้นด้วย ทำให้การเคลื่อนไหวเรียกร้องข้อเรียกร้อง 3 ข้อกลายเป็นลักษณะประชาชาติไปแล้ว
ที่เขากล่าวกันว่าประกายไฟน้อยไหม้ลามทุ่งได้นั้น วันนี้ประกายไฟน้อยของการเรียกร้อง 3 ข้อ ก็ได้ขยายวงลุกลามไปทั่วประเทศ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวในลักษณะประชาชาติแล้ว หากไม่รีบหยุดยั้งก็คงลามไปถึงนักเรียนชั้นประถมศึกษาก็ได้ใครจะรู้
สถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นสถานการณ์ที่ต้องเร่งรีบดับไฟโดยเร็วที่สุด
ความคิดและท่าทีใดๆ ที่จะซื้อเวลามีแต่จะทำให้ไฟไหม้ลามมากขึ้น จนถึงจุดหนึ่งก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ หรือไม่มีกำลังใดที่จะไปแก้ไขได้อีกแล้ว
และเมื่อถึงเวลานั้นบรรดาเห็บเหาริ้นไรที่เกาะชายผ้าเหลืองผู้มีอำนาจอยู่ก็คงจะเผ่นหนีเปลี่ยนสีแปรธาตุเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศมาแล้ว และเป้าหมายก็จะรวมศูนย์ไปยังผู้มีอำนาจโดยตรง
การใช้ไฟดับไฟนั้นไม่สามารถดับไฟได้ มีแต่จะโหมไฟให้แรงขึ้น คงเหลือแต่ว่าไฟที่โหมแรงขึ้นนั้นจะเผาผลาญนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชนและประชาชนหรือผู้มีอำนาจเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเผาผลาญไปทางใดประเทศไทยของเราจะยับเยินทุกกรณี ชะดีชะร้ายก็จะกลายเป็นรัฐล้มเหลวที่ต่างชาติยกกำลังเข้ามาแย่งยึดเอาตามอำเภอใจดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรีย อิรัก เยเมน และลิเบียในขณะนี้
และเมื่อถึงเวลานั้นประเทศไทยและคนไทยก็จะต้องรับชะตากรรมร่วมกัน เพราะสถานการณ์ในวันนั้นจะไม่มีสีมีเหล่ามีชั้นชนใดๆ อีกแล้ว หากจะเหลือเพียงต่างชาติซึ่งเป็นเจ้าเข้าครองรุมกันทึ้งประเทศไทย กับมาตุภูมิของคนไทยที่เป็นถิ่นเกิด ถิ่นอยู่อาศัย และเป็นเรือนตายของคนไทยที่จะต้องรับชะตากรรมนั้น
ไฟดับไฟไม่ได้ น้ำต่างหากที่จะดับไฟได้ น้ำที่จะดับไฟนั้นก็ปรากฏชัดอยู่ในพระคาถาประจำตราแผ่นดินที่พระมหาราชเจ้าล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานไว้
สำหรับแผ่นดินว่า “สัพเพสัง สังฆะภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา”
ความสามัคคีปรองดองภายในชาติคือยาขนานวิเศษที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระราชทานไว้สำหรับดับไฟนี้แล้ว อยู่ที่จะอัญเชิญมาปฏิบัติหรือไม่เท่านั้น
August 23, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/3jaksuT
คอลัมน์การเมือง - จะดับไฟก่อนหรือว่าจะไปสืบหาว่าใครจุดไฟก่อน? - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/36KG1NQ
Home To Blog
No comments:
Post a Comment