รัฐบาลบิ๊กตู่เจอปัญหางบประมาณที่จะหามาจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำจากจีน เพราะเหตุการณ์การเงินไม่ปกติ ประเทศมีปัญหา งบประมาณขาดดุลอย่างมากมายเก็บภาษีไม่เข้าเป้า และต้องเตรียมการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในช่วง 6 เดือน และ 1 ปีข้างหน้ารวมทั้ง GDP ลดลงจากการขาดรายได้ของการท่องเที่ยวการส่งออกที่ลดลง ทำให้การเก็บรายได้ภาษีของรัฐบาลลดลง และยังมีค่าใช้จ่าย ที่ต้องเตรียมไว้เรื่องโควิด-19 ปัญหาเรื่องงบประมาณเรือดำน้ำปีนี้ เลยสร้างปัญหามาก
ผมขอเสนอว่าถอยเรื่องเรือดำน้ำปีนี้ ไปก่อน เพื่อแสดงให้คนไทยเห็นว่างบประมาณแม้ไม่ใช่ 2 หมื่นกว่าล้านบาทตามที่นักการเมือง หรือสื่อบางแห่งเสนอ ข้อเท็จจริงจ่าย3,400 ล้านบาท แต่ขณะนี้จำเป็นที่ต้องดูแลปัญหาปากท้องของคนไทย ถือว่ามากอยู่ดี
ปีงบประมาณ 2563 ทางกองทัพเรือ ได้เสียสละลดการจ่ายเงินยอดแรกไปครั้งหนึ่งแล้ว ได้แสดงให้คนไทยเห็นความเข้าใจอันดีของกองทัพเรือ แต่สถานการณ์ปัจจุบัน ปี 2564 จะยังไม่ดีขึ้น หรืออาจจะเลวร้ายกว่าปี 2563 ถ้ามองปัจจัยเศรษฐกิจและอื่นๆ เช่นแรงกดดันรัฐบาลบิ๊กตู่จากกลุ่มต่างๆ ทางการเมือง ฉะนั้นเพื่อลดแรงกดดันและแสดงให้เห็นความเข้าใจในความทุกข์ยากของประชาชน ผมคิดว่า ถ้าถอยไปก่อนและเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็สามารถมีเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และที่ 3 ได้อย่างสง่างาม
การมีเรือดำน้ำมีจุดดีที่สำคัญต่อกองทัพเรือหลายจุด
ข้อที่ 1 คนไทยและสังคมไทยได้เห็นบทบาทของกองทัพเรือ มีการทำงานอย่างเป็นระบบ ในการมีเรือดำน้ำเพราะทหารเรือมีการวางยุทธศาสตร์ระยะยาว และในอดีต 70 กว่าปี กองทัพเรือไทยก็มีเรือดำน้ำใช้ 4 ลำ แต่ได้ปลดระวางไปกว่า 70 ปีแล้ว เป็นเรือดำน้ำจากญี่ปุ่น
ยืนยันความเป็นมืออาชีพของกองทัพเรือ ผมมีโอกาสได้ไปสอนที่วิทยาลัยกองทัพเรือ และได้รู้จักบุคลากรของกองทัพเรือระดับสูงบางท่านเคยเป็นองคมนตรี ในรัชกาลปัจจุบันยังมีตัวแทนกองทัพเรือเป็นองคมนตรี นักการเมืองบางคนโจมตีว่าไม่โปร่งใส ไม่มีสัญญา G to G ที่ถูกต้องนั้นไม่ถูกต้อง ทหารเรือมีศักดิ์ศรีพร้อมชี้แจงออกมาแถลงอย่างมีข้อมูลครบถ้วนและเป็นมืออาชีพให้ทราบ
ประเด็นเรื่องไม่โปร่งใส และไม่เป็นมืออาชีพก็ตกไป การจะเลื่อนไปก่อน คงไม่ใช่มาจากสัญญาไม่ถูกต้องเพราะกองทัพเรือเป็นองค์กรมืออาชีพ แต่เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจมากกว่า
ข้อที่ 2 ความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำ คือ กองทัพเรือต้องดูแลทรัพยากรในทะเลและชายฝั่ง ในประเทศไทย ทั้งเรื่องน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรทางทะเล ดูแลการลักลอบเข้าเมืองทางทะเลอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งอาชญากรทางทะเล ทางเศรษฐศาสตร์คำนวณไว้ว่า มีมูลค่าทางทะเลถึง 4 ล้านล้านบาท ดังนั้น กองทัพเรือต้องมีศักยภาพที่จะทำงานได้เต็มที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ปัจจัยเหล่านี้ ผมสนับสนุนให้มีเรือดำน้ำได้ เพียงแต่จังหวะเวลาที่เหมาะสม และลดแรงกดดันซ้ำเติมปัญหาการเมืองในช่วงนี้
3. ปัญหาที่สำคัญ องค์กรทุกองค์กรต้องมีศักดิ์ศรีมีความพร้อม และกองทัพต้องมีอำนาจต่อรอง เพื่อนบ้านหลายแห่งในอาเซียน มีเรือดำน้ำ เช่น
อินโดนีเซีย มีเรือดำน้ำ 5 ลำ
เวียดนาม มีเรือดำน้ำ 6 ลำ
เมียนมา มีเรือดำน้ำ 1 ลำ
มาเลเซีย มีเรือดำน้ำ 2 ลำ
และประเทศที่เจริญแล้วก็มีเรือดำน้ำจำนวนมาก เช่น
สหรัฐอเมริกา มีเรือดำน้ำ 66 ลำ
รัสเซีย มีเรือดำน้ำ 62 ลำ
จีน มีเรือดำน้ำ 74 ลำ
ที่มา : https://ift.tt/2E9G9g5
การมีอำนาจต่อรองคือ ศักดิ์ศรีของกองทัพเรือไทยทำนองเดียวกับประเทศมหาอำนาจต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้เพื่อต่อรอง ผมคิดว่านายทหารเรือทุกรุ่นมีความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้มีความสามารถ ทัดเทียมกับนานาประเทศในอาเซียน
ประเด็นต่อมาคือ มีเรือดำน้ำ ทำให้เกิดการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งในประเทศ และการร่วมมือกับต่างประเทศ มีการฝึกทหารเรือไทยให้พร้อมในการรองรับเทคโนโลยี และการมีเรือดำน้ำของไทย อาจจะหมายถึงการสร้างอุตสาหกรรมทางการทหารต่อเนื่องไม่ใช่แค่การทหารอย่างเดียว อาจหมายถึงการนำมาพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น จากการมีเรือดำน้ำ ผมจึงขอให้กองทัพเรือ สร้างและเตรียมบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และอาจจับมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และในประเทศ เช่นเดียวกับเรื่องรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูง ทำให้มีมหาวิทยาลัยไทยระดับสูงและโรงเรียนเทคนิคอาชีวะมีหลักสูตรวิศวะทางรางมากขึ้น
ผมมั่นใจว่านโยบายสร้างคนในกองทัพเรือ ทำได้ดีมีบุคลากรที่มีความสามารถ พร้อมศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆเป็นขวัญ กำลังใจ และแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่สนใจและศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางด้านเรือดำน้ำและอาจจะหมายถึง การยิงจรวดจากเรือดำน้ำ คำนวณวิถีกระสุนแบบเลเซอร์ รวมทั้งบางประเทศ ศึกษาอาวุธนิวเคลียร์ยิงจากเรือดำน้ำด้วย
ปัจจัยเหล่านี้เป็นประโยชน์ที่เกิดจากการมีเรือดำน้ำได้ทราบว่าขณะนี้ทหารเรือสร้างหน่วยงานรองรับ และฝึกบุคลากรจำนวนหนึ่งด้านเรือดำน้ำเพื่อรองรับการมีเรือดำน้ำที่จะเข้ามาในอนาคต
ปัจจัยลบ แน่นอนคือ งบประมาณมีจำกัด จึงควรถอยอย่างสง่างาม และเตรียมการศึกษาอนาคตให้ดี การเตรียมบุคลากรไว้ทำงานเพื่อรองรับลำแรกมาแน่ในปี 2567 และเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นก็จัดหาอีก 2 ลำอย่างภาคภูมิใจ คนไทยก็เข้าใจและสนับสนุนในความเสียสละครั้งนี้
ส่วนปัญหาเรื่องสัญญาที่เซ็นไว้ ในอดีตนายชวนเคยยกเลิก F18 ยกเลิกค่ามัดจำ ต้องมีการเจรจาทางการทูตควรปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ผมเชื่อว่ารัฐบาลจีนเข้าใจดี การชะลอไว้อย่างน้อย 1 ปี เพื่อพิสูจน์ให้คนไทยเห็นว่า กองทัพเรือเข้าใจ เพราะปัญหาเศรษฐกิจปีนี้รุนแรงมากและลดข้อพิพาทกันทางการเมืองด้วย
จีระ หงส์ลดารมภ์
August 29, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/2EO6OyE
คอลัมน์การเมือง - เรื่องเรือดำน้ำ ในยามวิกฤติ ถาโถม ถอยก่อน - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/36KG1NQ
Home To Blog
No comments:
Post a Comment