Pages

Thursday, June 4, 2020

ก่อนที่จะเป็นผู้รับ เราต้องเป็นผู้ให้ : “ป้าตั๊ก” ครัวข้าวบึ้มแห่งร้าน 'เพราพุงกาง' - โพสต์ทูเดย์

sebelumselamanya.blogspot.com

ก่อนที่จะเป็นผู้รับ เราต้องเป็นผู้ให้ : “ป้าตั๊ก” ครัวข้าวบึ้มแห่งร้าน ‘เพราพุงกาง’

วันที่ 04 มิ.ย. 2563 เวลา 18:08 น.

รู้จักชีวิตกว่า 20 ปี “ตั๊ก-วาสนา มาเหลน” แม่ค้าใจดีที่แต่ให้ ร้าน ‘เพราพุงกาง’ ร้านอาหารข้าวเบิ่มในราคาเพียง 30 บาทก็อิ่มได้ในซอยนาทอง7 ถ.รัชดาฯ7

เรื่อง :  รัชพล ธนศุทธิสกุล

ภาพ : ณัฐพล โลวะกิจและอมรเทพ โชติเฉลิมพงษ์    

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 นับระยะเวลากว่า 20 กว่าปี ที่ใครๆ พูดถึงเรื่องราวใจดีของเธอ กระทั่งปัจจุบันนี้ร้านเพราพุงกางยิ่งชื่อดังกว่าแต่ก่อน

ขณะในวันที่ร่วงโรยสังขารชราเข้าวัย 52 ปี แม่ครัวใจดีมีอาการหลงๆ ลืมๆ เจ็บป่วยบ้าง แต่ไม่เคยคิดหยุดหรือลดแบ่งปันความอิ่มแก่ลูกค้า ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-19.30 น.

“ใครจะเอาข้าวเพิ่มมาตักได้เลยนะลูก” แม่ครัวใจดี “ป้าตั๊ก-วาสนา มาเหลน” หรือ “แม่ตั๊ก” ที่ขาประจำร้านมักเรียกเธอ กำลังตะโกนบอกลูกค้าก่อนจะวางตะหลิวมาถ่ายถอดเรื่องราวของการให้ข้าวและกับข้าวพูนจานแบบไม่คิดเงินเพิ่มในราคาย่อมเยาว์

ข้าวบึ้มราคาเอื้อมถึง

ป้าตั๊กบอกจุดเริ่มต้นของการให้อิ่มแบบจานยักษ์ทั้งกับข้าวและกับข้าวในราคาเริ่มต้นเพียง 30 บาท เกิดขึ้นมาจากการได้รับการปลูกฝังเรื่องของการให้มาจากคนที่อุปการะเด็กกำพร้าอย่างเธอให้มีบ้านและอาหารอย่างสุขสบาย

“พ่อแม่ป้าทิ้งป้าตั้งเด็กๆ พ่อเฒ่ากับแม่เฒ่ารับมาเลี้ยงเป็นเด็กกำพร้าที่บ้านท่านร่วมกับพี่ๆ น้องๆ คนอื่นๆ อีก 4-5 คน ท่านเป็นคนที่ใจดีเวลาทำอะไรให้กินจะทำเยอะๆ  แล้วก็มากินด้วยกันทั้งบ้าน ทีนี้พอมาเปิดร้านก็คิดว่าปู่ย่าเราให้กินอิ่มแล้วเราก็สบายใจ ก็เลยให้ข้าวและกับข้าวลูกค้าเขาเยอะๆ”

แม้ว่าในเวลานั้นที่เริ่มต้นทำกิจการร้านอาหารตามสั่งตัวเองจะลำบากไม่น้อยจากพิษฟองสบู่ต้องตกงานทั้งตัวเองและสามี กระทั่งได้ความช่วยเหลือจากพี่สาวยกร้านแห่งนี้ให้ค้าขายต่อทำกินเธอก็ยังเลือกที่จะแบ่งปัน

“อีกสิ่งหนึ่งคือคำสัญญากับเพื่อนเมื่อก่อนทำงานเวลาไปกินข้าว 10 กว่าบาท จะกิน 2 จานมันเยอะเกินไม่ไหว ขอพิเศษเพิ่มอีก 5 บาท มันก็ได้มานิดเดียวไม่อิ่ม กินสองจานเงินก็ไม่พอใช้ เราไปกันกับเพื่อนๆ ก็จะบอกว่าถ้าเป็นเจ้าของจะให้กินให้พุ่งแตกเลย” แม่ครัวใจดีย้อนวันวานอย่างอารมณ์ดีที่มีรากยึดเหนียวเรื่องของการให้ที่ปู่พร่ำสอนตลอดว่า “เราไม่เคยให้ใคร ใครเขาจะคิดให้เรา ก่อนที่จะเป็นผู้รับเราต้องเป็นผู้ให้”

ป้าตั๊กหลังจากเปิดร้านได้ 1-2 ปี ก็เลยค่อยๆ เพิ่มข้าวเพิ่มกับข้าวให้แก่ลูกค้าเรื่อยมากระทั่งเวลานี้รับรวมระยะเวลากว่า 20 ปีมาแล้วด้วยกัน

“ทำครึ่งๆ คาๆ อย่าทำ ถ้าทำแล้วต้องทำให้จบ และพอเราให้ เราก็ได้รับ อย่างคนใจดีใครก็อยากเข้าหา ลูกค้าจากมาหนึ่งก็บอกต่อ ไปพาเพื่อนๆ มาช่วยกันอุดหนุนก็จะทำให้ร้านอยู่ได้จากที่ขายไม่ดีในตอนแรก

“ป้าก็เลยเวลาใครจะมาสั่งอาหารจะถามว่าทานข้าวเยอะไหม จะบอกไม่พอมาตักใหม่ได้นะ ถือจานมาเลยมาเติมได้ไม่คิดเงิน เพราะถ้าข้าวน้อยมันก็ไม่อร่อย ข้าวเยอะกับน้อยมันก็ไม่อร่อย กินกับน้ำปลามันก็เค็ม โรคไตถามหาพอดี”

กำไรใจมากกว่าเงินทอง

นอกจากผลการกระทำดีที่สะท้อนกลับมาเป็นลูกค้าที่เนื่องแน่นร้านซึ่งเป็นเม็ดเงินที่เข้าร้านทำให้กิจการ ‘เพราพุงกาง’ โดยการเป็นหัวเรือใหญ่ของป้าตั๊กเปิดมากว่า 20 ปี เติบโตและอยู่เรื่อยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 นั้นคือชีวิตที่ไม่มีตกแม้วิกฤตเศรษฐกิจไม่ดีถางโถม

“คิดว่าตอนนี้ 50 กว่าต้องการอะไร แก่แล้วที่เราอยากได้คือให้ครอบครัวมีความสุข คนอื่นได้รับสิ่งดีๆ” แม่ครัวใจดีเผยความรู้สึกในตอนนี้ที่กำไรของเธอไม่ได้เหมือนแม่ค้าทั่วไปที่คำนึงถึงรายได้เงินอย่างเดียว แต่เธอมีมากกว่าถึง 2 อย่าง

“กำไรตัวเงินป้าไม่รู้เพราะป้าไม่ได้ทำบัญชี ได้เงินมาก็เอามาใช้จ่าย ถามว่าอยู่ได้ไงก็คือเนี่ยที่เห็นๆ ปริญญาตรีของลูก2 ใบ เสื้อผ้าที่ใส่ รถใช้งาน ครอบครัวดี ถ้าถามว่ากำไรที่ได้นะคืออะไรสำหรับป้า”

ส่วนกำไรอีกอั้นป้าตั๊กบอกว่าคือการที่ตนได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน ลูกค้าทานข้าวแล้วอร่อยมากมาพูดชม ลูกค้าทำหน้าตกใจว่าราคาแค่นี้เอง 40 บาท ทั้งๆ ที่ใส่ไข่ดาวเพิ่ม ทั้งๆ ที่สั่งเมนูอาหารเกี่ยวกับทะเล ซึ่งต่างจากราคาปกติ 30 บาท เพียง 10 บาทเท่านั้น  

“ป้าเห็นหน้าตาอลังการตื่นเต้นก็ดีใจแล้ว นั้นแหล่ะคือความสุขทางใจที่ได้ ตอนนี้ป้าก็มีความสุขมาก เราเป็นแม่ค้า แม่ค้าอยากได้ยินเสียงชมหรือเสียงอยากด่า ทุกคนต้องการฟังสิ่งดีๆ มันก็ชื่นใจเรา แต่ถ้าป้ากะเพราสุนัขไม่กินเลย จะชื่นใจไหม เปรียบก็เหมือนลูกพูดกับเราดี เราชื่นใจมากเลยคือน้ำที่ชุ่มชื่นใจหล่อเลี้ยงชีวิตเรา”

ไม่ถนัดจะเลิกให้ ‘ทำดี’

แม่ครัวใจดีบอกถึงเส้นทางในอนาคตของพื้นที่แห่งการแบ่งปันอย่างร้าน ‘เพราพุงกาง’ ว่าจะทำไปจนกว่าจะทำได้ ซึ่งในตอนนี้ลูกๆ ทั้ง 2 คนที่รับไม้ต่อแต่ก็ดำเนินการค้าตามรอยแม่ของพวกเขา

“ใจป้าไม่ถึงให้เลิก เป็นคนขี้สงสาร ไม่รู้ว่าคนที่ป้าให้มีชีวิตลำรวยหรือยากจน แต่เขาเข้ามาเราลดราคาเขายกมือไหว้ สมัยนี้มีไหมที่จะยกมือ ไม่มี(ลากเสียง) ไปเตือนมันยังจะเตะให้อีก แต่มานี้พากันมาเจอป้าตั๊กหวัดดีครับ/ค่ะ” แม่ครัวใจดีเล่าถึงความผูกผันที่มีให้แก่กันและกัน

“บางทียุ่งจนต่างคนต่างลืมเก็บเงินลืมจ่ายเงิน ยอดค่าข้าว 700 กว่าบาท ผ่านไปเย็น ขับรถมายกมือไหว้ ป้าครับผมขอโทษครับ กลาวันลืมจ่ายตังค์ป้า เราก็ไอ้หนุ่มไม่ต้องขอโทษป้า ป้าต้องของโทษทำเสียเวลาและขอบใจมาก คือถ้าไม่มาคืนก็คือไม่รู้  ไม่ใช้ขาประจำด้วยนะ นี้คืออานิสงส์ทำดี ป้าเชื่อแบบนั้นและเราจะไม่ทำได้ไง”

เพราะทำถ้าไม่สุขไม่โอก็ไม่ไม่รอด แต่นี้ทำมาถึงวันนี้ในวัยสังขารล่วงโรย แต่ก็ยังยืนหยัดผัดเมนูเสิร์ฟให้อิ่มท้อง ทุกอย่างมาจากการมีความสุขเล็กๆ ของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่หลายคนเรียกว่าแม่โดยปริยาย

“ใจแลกใจ รู้สึกมีความสุขใจ การที่เราให้แล้วมันผ่านมาแล้วตั้ง 10-20 ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ผลมันมาแตกตอนนี้มันก็อิ่มใจ อิ่มไปหลายๆ อย่าง สิ่งที่ได้ทำมามันสัมฤทธิ์ผลแล้ว ไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ได้” แม่ครัวใจดีกล่าวทิ้งท้าย

***ใครที่อยากสัมผัสข้าวอร่อยในปริมาณคุณภาพอิ่มท้องแถมราคาย่อมเยาร้าน ‘เพราพุงกาง’ เปิดให้บริการเวลา 09.00-19.30 น. หยุดวันเสาร์และอาทิตย์ หรือโทรสั่งที่เบอร์ 098-415-3688 (อยากข้าวบิ้มแจ้งให้ชัด) ป้าตั๊กจัดให้ ในราคาเมนูเริ่มต้นในราคา 30 บาท อย่าง หมูกับไก่ 30 บาท ใส่ไข่ 40 บาท เมนูพิเศษจำพวกทะเลใส่กุ้ง หมึก เบคอน หรือผัดสปาเก็ตตี้และมักกะโรนี ราคา 40 บาท***

Let's block ads! (Why?)


June 04, 2020 at 06:12PM
https://ift.tt/3cx93Sf

ก่อนที่จะเป็นผู้รับ เราต้องเป็นผู้ให้ : “ป้าตั๊ก” ครัวข้าวบึ้มแห่งร้าน 'เพราพุงกาง' - โพสต์ทูเดย์
https://ift.tt/36KG1NQ
Home To Blog

No comments:

Post a Comment